วันอังคารที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ราชวงศ์ไทย

สมัยอาณาจักรน่านเจ้า

พระเจ้าเหม่งแซเจ้า
พระเจ้ามองกาตา
พระเจ้าสินุโล (โอรสพระเจ้ามองกาตา)
พระเจ้าพีล่อโก๊ะ (ขุนบรม)
พระเจ้าโก๊ะล่อฝง (โอรสพระเจ้าพีล่อโก๊ะ)

สมัยกรุงสุโขทัย

ราชวงศ์พระร่วง

พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พ.ศ. 1781 - ไม่ทราบแน่นอน
พ่อขุนบาลเมือง
พ.ศ. ไม่ทราบแน่นอน - 1820
พ่อขุนรามคำแหง
พ.ศ. 1820- 1860 (40 ปี)
พญาเลอไท
พ.ศ. 1861-1897 (36 ปี)
พญาลิไท (พระมหาธรรมราชาที่ 1)
พ.ศ. 1897-1919 (22ปี)
พญาไสลือไท (พระมหาธรรมราชาที่ 2)
พ.ศ. 1919- 1920 (1ปี)
พระมหาธรรมราชาที่ 3
(ไม่ทราบระยะเวลาแน่ชัด)
พระมหาธรรมราชาที่ 4
(ไม่ทราบระยะเวลาแน่ชัด)

สมัยกรุงศรีอยุธยา 

ราชวงศ์อู่ทอง (หรือราชวงศ์เชียงราย)

สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
พ.ศ. 1893-1912 (19 ปี)
สมเด็จพระราเมศวร
ครองราชย์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 1912-1913 (1 ปี)

ราชวงศ์สุพรรณภูมิ 

สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (พะงั่ว)
พ.ศ. 1913-1931 (18 ปี)
พระเจ้าทองลั่น
พ.ศ. 1931 (ครองราชย์เพียง 7 วันก็ถูกปลงพระชนม์)

ราชวงศ์อู่ทอง (หรือราชวงศ์เชียงราย) 

สมเด็จพระราเมศวร
ครองราชย์ครั้งที่ 2 พ.ศ. 1931-1938 (7 ปี)
สมเด็จพระรามราชาธิราช (โอรสสมเด็จพระราเมศวร)
พ.ศ. 1938 – 1962 (14 ปี – ถูกถอดจากราชสมบัติ)

ราชวงศ์สุพรรณภูมิ 

สมเด็จพระนครอินทราธิราช (พระอินทราชา)
พ.ศ. 1952 –1967 (15ปี)
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา)
พ.ศ. 1967 –19991 (24ปี)
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
พ.ศ. 1991 –2031 (40ปี)
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (โอรสพระบรมไตรโลกนาถ)
พ.ศ. 2031 –2034 (3ปี)
สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐาธิราช)
พ.ศ. 2034 –2072 (38ปี)
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 (หน่อพุทธธางกูร)
พ.ศ. 2072 –2076 (4ปี)
สมเด็จพระรัษฏาธิราชกุมาร
พ.ศ. 2076 (ครองราชย์ 5 เดือน ก็ถูกปลงพระชนม์)
สมเด็จพระไชยราชาธิราช
พ.ศ. 2077 –2089 (12ปี)
สมเด็จพระยอดฟ้า (โอรสพระไชยราชาธิราช)
พ.ศ. 2089 –2091 (2ปี – ถูกปลงพระชนม์)
ขุนวรวงษาธิราช
พ.ศ. 2091 (ครองราชย์ 42 วัน – ถูกปลงพระชนม์)
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พระเจ้าช้างเผือก)
พ.ศ. 2091 –2111 (20 ปี)
สมเด็จพระมหินทราธิราช (โอรสพระมหาจักรพรรดิ)
พ.ศ. 2111 – 2112 (1ปี)

ราชวงศ์สุโขทัย 

สมเด็จพระมหาธรรมราชา
พ.ศ. 2112-2133 (21 ปี)
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (โอรสพระมหาธรรมราชา)
พ.ศ. 2133-2148 (15 ปี)
สมเด็จพระเอกาทศรถ (พระอนุชาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช)
พ.ศ. 2148-2153 ( 15 ปี)
พระศรีเสาวมาตย์ (โอรสพระเอกาทศรถ)
พ.ศ. 2153 (ครองราชย์ไม่ถึงปี – ถูกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทร์)
สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (โอรสพระเอกาทศรถต่างพระมารดาพระศรีเสาวภาคย์)
พ.ศ. 2153-2171 (18 ปี)
สมเด็จพระเชษฐาธิราช (โอรสพระเจ้าทรงธรรม)
พ.ศ. 2171-2172 (ครองราชย์ 1 ปี - ถูกปลงพระชนม์)
สมเด็จพระอาทิตย์วงศ์
พ.ศ. 2172 (ครองราชย์ 28 วัน – ถูกถอดจากราชสมบัติ, ปลงพระชนม์)

ราชวงศ์ปราสาททอง

สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
พ.ศ. 2172-2199 (27 ปี)
สมเด็จเจ้าฟ้าไชย (โอรสพระเจ้าปราสาททอง)
พ.ศ. 2199 (ครองราชย์ 4 วัน – ถูกปลงพระชนม์)
สมเด็จพระศรีสุธรรมราชา
พ.ศ. 2199 (ครองราชย์ 2 เดือน – ถูกปลงพระชนม์)
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พ.ศ. 2199-2231 (32 ปี)

ราชวงศ์บ้านพลูหลวง 
สมเด็จพระเพทราชา
พ.ศ. 2231 –2246 (15ปี)
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ)
พ.ศ. 2246 –2251 (5ปี)
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ (โอรสพระเจ้าเสือ
พ.ศ. 2251 –2276 (24ปี)
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์
พ.ศ. 2276 –2301 (26ปี)
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อุทุมพร (ขุนหลวงหาวัด)
พ.ศ. 2301 (ครองราชย์ 2 เดือน – สละราชสมบัติออกผนวช)
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ (พระเจ้าเอกทัศน์)
พ.ศ. 2301-2310 (9 ปี)

ช่วงปี 2310-2313 ไม่มีพระเจ้าแผ่นดิน เนื่องจากเป็นช่วงเสียกรุงแก่พม่า

สมัยกรุงธนบุรี

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (พระเจ้ากรุงธนบุรี)
พ.ศ. 2313-2325 (12 ปี)

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ 

ราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 
สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ทองด้วง)
พ.ศ. 2325-2352 (27ปี)
สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (เจ้าฟ้าฉิม)
พ.ศ. 2352-2367 (15 ปี)
สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
พ.ศ. 2367-2394 (27ปี)
สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
พ.ศ. 2394- 2411 (17 ปี)
สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พ.ศ. 2411-2453 (42 ปี)
สมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พ.ศ. 2453-2468 (15 ปี)
สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (โอรสสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว)
พ.ศ. 2468-2477 (9 ปี)
สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (โอรสสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์)
พ.ศ. 2477-2489 (12 ปี)
สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (โอรสสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์)
พ.ศ. 2489 – ปัจจุบัน
มหาราชของไทยมีทั้งหมด 7 พระองค์ คือ
1. พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
2. สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
3. สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
4. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
5. สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
6. สมเด็จพระปิยมหาราช
7. สมเด็จพระภัทรมหาราช
สยามมกุฎราชกุมารในราชวงศ์จักรีมีทั้งหมด 3 พระองค์ คือ
1. เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ
2. เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ (รัชกาลที่ 8)
3. เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์
ลำดับแห่ง พระราชวงศ์ไทยใน ปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 


สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ 

-พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา
-พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
-พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมาร
-พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์
-พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวด
-คุณพลอยไพลิน เจนเซน
-คุณพุ่ม เจนเซน
-คุณสิริกิติยา เจนเซน

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ


โดย...จิรภัทร วรรัตน์

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2556

   พระพระนามเต็มรัชกาลที่ 1-9


 
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระนามเต็มว่า
 
สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาศกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก
ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยคโรมนต์ สกลจักรวาลาธิเมนทรต์ สุริเยนทราธิบดินทร์
หริหรินทราธาดาธิบดี ศรีสุวิบูลย์ คุณอกณิฐ ฤทธิราเมศวรมหันต์ บรมธรรมิกราชาธิเบศร์
โลกเชฐวิสุทธิ์ รัตนมงกุฏประเทศคตา มหาพุทธางกูร บรมบพิตร
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ ทองด้วง
 
หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ถวายพระบรมนามาภิไธยแก่สมเด็จพระบรมอัยกาธิราชจารึกลงในพระสุพรรณบัฏว่า
 
"พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ นเรศวราชวิวัฒนวงศ์ ปฐมพงศาธิราชรามาธิบดินทร์ สยามพิชิตินทรวโรดม บรมนารถบพิตร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก"

 
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระนามเต็มว่า
 
 
พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวศรัย สมุทัยดโรมนต์ สากลจักรวาฬาธิเบนทร สุริเยนทราธิบดินทร์
หริหรินทรา ธาดาธิบดี ศรีวิบูลยคุณอกนิษฐ ฤทธิราเมศวรมหันต บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์
ภูมิทรปรมาธิเบศ โลกเชษฐวิสุทธิ รัตนมกุฎประกาศ คตามหาพุทธางกูรบรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว
 
 
พระปรมาภิไธยที่จารึกในพระสุพรรณบัฏ ของรัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ เหมือนกันทุกตัวอักษร เนื่องจากในเวลานั้น ยังไม่มีธรรมเนียม ที่จะต้องมีพระปรมาภิไธยแตกต่างกัน ในแต่ละพระองค์ จนในรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติไว้ว่า ในแต่ละรัชกาลจะต้องมีพระปรมาภิไธยแตกต่างกัน เว้นแต่สร้อยพระปรมาภิไธยเท่านั้นที่อณุโลมให้ซ้ำกันได้บ้าง ส่วนคำนำหน้าพระนาม รัชกาลที่ ๔ ก็ได้ทรงบัญญัติให้ใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์ หรือปรเมนทร์" เป็นคำนำทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลำดับรัชกาลว่าจะเป็นเลขคี่หรือเลขคู่ เดิมทีเดียวคนสมัยก่อนมักเรียกรัชกาลที่ ๑ ว่าแผ่นดินต้น และเรียกรัชกาลที่ ๒ ว่าแผ่นดินกลาง เหตุเพราะพระนามในพระสุพรรณบัฎเหมือนกัน รัชกาลที่ ๓ จึงไม่โปรดให้ใช้ตามอย่างรัชกาลที่ ๑ และ ๒ เพราะเหตุเช่นนั้น จะทำให้ประชาชนสมัยนั้นเรียกว่าแผ่นดินปลาย ซึ่งดูไม่เป็นมงคล
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
 


 
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ มีพระนามเต็มว่า
 
 
สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก
ดิลกรัตนราชชาติอาชาวไสย สมุทัยดโรมน สากลจักรวาลาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทราธาธิบดี ศรีสุวิบูลย คุณอถพิษฐ
ฤทธิราเมศวร ธรรมิกราชาธิราช เดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธิ มงกุฏประเทศคตา มหาพุทธางกูร บรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว
 
พระบรมนามาภิไธย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ หรือ พระองค์ชายทับ
 


 
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ มีพระนามเต็มว่า
 
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฏสุทธิ สมมุติเทพยพงศวงศาดิศรกษัตริย์ วรขัตติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธิเคราะหณี จักรีบรมนาถ
อดิศวราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิตอุกฤษฐวิบูลย บุรพาดูลยกฤษฎาภินิหารสุภาธิการรังสฤษดิ ธัญญลักษณ วิจิตรโสภาคสรรพางค์ มหาชโนตมางคประนตบาทบงกชยุคคล ประสิทธิสรรพสุภผลอุดม บรมสุขุมาลยมหาบุรุษยรัตน ศึกษาพิพัฒนสรรพโกศล
สุวิสุทธิวิมลศุภศีลสมาจารย์ เพ็ชรญาณประภาไพโรจน์ อเนกโกฎิสาธุ คุณวิบุลยสันดาน ทิพยเทพวตาร ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์เอกอัครมหาบุรุษ สุตพุทธมหากระวี ตรีปิฎกาทิโกศล วิมลปรีชามหาอุดมบัณฑิต สุนทรวิจิตรปฏิภาณ บริบูรณ์คุณสาร สัสยามาทิโลกยดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรพพิเศษ สิรินธรมหาชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเศกาภิษิต สรรพทศทิศวิชิต
วิไชย สกลมไหศวรินมหาสยามินทร มเหศวรมหินทร มหาราชาวโรดม บรมนารถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อุกฤษฐศักดิอัครนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการสกลไพศาลมหารัษฎาธิเบนทร ปรเมนทรธรรมมิกมหาราชาธิราช บรมนารถบรมบพิตร พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎสมมุติวงศ์ พงอิศวรกระษัตริย์ ขัติยราชกุมาร
 


 
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ มีพระนามเต็มว่า
 
 
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฏ บุรุษรัตนราช รวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวรราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิต
อรรคอุกฤษฏไพบูลย์ บุรพาดูลย์กฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณต บาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขุมมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิษฐศักดิ์สมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยาภิรมย์ อุดมเดชาธิการ บริบูรณ์คุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรวิเศษสิรินทร อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิ์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ
นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิลิต สรรพทศทิศวิชิตชัย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
พระบรมนามาภิไธย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าชายจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษยรัตนราชวรวิวงศ์วรุตมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร
 


 
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ มีพระนามเต็มว่า
 
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ เอกอรรคมหาบุรุษบรมนราธิราช พินิตประชานาถมหาสมมตวงศ์ อดิศัยพงศ์วิมลรัตน์วรขัตติราชนิกโรดม
จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราะหณีจักรีบรมนาถ จุฬาลงกรณราชวรางกูร บรมมกุฏนเรนทร์สูรสันตติวงศวิสิฐ สุสาธิตบุรพาธิการ
อดุลยกฤษฎาภินิหาร อดิเรกบุญฤทธิ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณตบาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดม บรมสุขุมาลย์ทิพยเทพาวตาร
ไพศาลเกียรติคุณ อดุลยวิเศษสรรพเทเวศรานุรักษ์ บุริมศักดิสมญาเทพวาราวดี ศรีมหาบุรุษสุทธสมบัติ เสนางคนิกรรัตนอัศวโกศล ประพนธปรีชา มัทวสมาจาร
บริบูรณคุณสารสยามาทินคร วรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต์มหันตวรฤทธิเดช สรรพวิเศษศิรินธร บรมชนกาดิศรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ
นพปฎลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษฏาภิสิต สรรพทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม
บรมนาถชาติอาชาวศรัยพุทธาธิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์ อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณา สีตลหฤทัย อโนมัยบุญการสกลไพศาล มหารัษฎาธิบดินทร์
ปรเมนทรธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ เอกอรรคมหาบุรุษย์บรมนราธิราช จุฬาลงกรณนาถราชวโรรส มหาสมมติขัตติยพิสุทธิ์
บรมมกุฎสุริยสันตติวงศ์ อดิศัยพงศ์วโรภโตสุชาติคุณสังกาศวิมลรัตน ทฤฆชนมสวัสดิ ขัตติยราชกุมาร

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
 


 
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ มีพระนามเต็มว่า
 
 
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก มหันตเดชนดิลกรามาธิบดี เทพยปรียามหาราชรวิวงศ์ อสัมภินพงศพีระกษัตรบุรุษรัตนราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาตสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถจุฬาลงกรณราชวรางกูร
มหมกุฏวงศวีรสูรชิษฐ ราชธรรมทศพิธ อุต์กฤษฎานิบุณย์อดุลยฤษฎาภินิหาร บูรพาธิการสุสาธิต ธันยลักษณ์วิจิตรเสาวภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคมานท สนธิมตสมันตสมาคม บรมราชสมภาร ทิพยเทพวตารไพศาลเกียรติคุณ อดุลยศักดิเดช
สรรพเทเวศปริยานุรักษ์ มงคลลคนเนมาหวัยสุโขทัยธรรมราชา อภิเนาวศิลปศึกษาเดชาวุธ วิชัยยุทธศาสตร์โกศล วิมลนรรยพินิต สุจริตสมาจาร ภัทรภิชญาณประดิภานสุนทร ประวรศาสโนปสุดมภก มูลมุขมาตยวรนายกมหาเสนานี สราชนาวีพยูหโยธโพยมจร
บรมเชษฏโสทรสมมต เอกราชยยศสธิคมบรมราชสมบัติ นพปฏลเศวตฉัตราดิฉัตร ศรีรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิศิกต์ สรรพทศทิศวิชิตเดโชไชย สกลมไหศวรยมหาสยามินทร มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย
พุทธาธิไตรรัตนวิศิษฎศักดิ์อัครนเรศวราธิบดี เมตตากรุณาศีตลหฤทัย อโนปไมยบุณยการ สกลไพศาลมหารัษฎราธิบดินทร์ ปรมินทรธรรมิกมหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา
 


 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดิน รัชกาลที่ ๘
 
เนื่องจากสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ไม่ได้ทรงประกอบการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี ดังนั้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระบรมขัติยราชอิสสริยยศ
รวมทั้ง ยังได้ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์บางองค์ เช่น นพปฎลเศวตฉัตร ซึ่งใช้ในการกางกั้นพระบรมศพและพระบรมอัฐิ จึงได้มีการประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระปรเมนทรมหา-
อานันทมหิดล ขึ้นเป็น "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมล รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช" โดยประกาศเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2489

หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ในวโรกาสพระราชพิธีฉลองทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ถวายเพิ่มพระนามพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เป็นพระปรมาภิไธยอันวิเศษตามแบบแผนโบราณราชประเพณีว่า
 
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จุฬาลงกรณราชปรียวรนัดดา มหิตลานเรศวรางกูร ไอศูรยสันตติวงศวิสุทธ์ วรุตมขัตติยศักตอรรคอุดม
จักรีบรมราชวงศนิวิฐ ทศพิธราชธรรมอุกฤษฎนิบุณ อดุลยกฤษฎาภินิหารรังสฤษฎ์ สุสาธิตบูรพาธิการ ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์
ธัญอรรคลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมงคประณตบาทบงกชยุคล อเนกนิกรชนสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปฎลเศวตฉัตราดิฉัตร
สรรพรัฐทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิไตรรัตน สรณารักษ์วิศิษฎศักตอัครนเรศรามาธิบดี
พระอัฐมรามาธิบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ หม่อมเจ้าอานันทมหิดล มหิดล, พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล

   

 
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มีพระนามเต็มว่า
 
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร
 
 
พระบรมนามาภิไธย คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช

ที่มา  http://www.kukaeo.go.th.gs/king%201-9.htm

รัชกาลที่1


พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา 1 โลกมหาราช
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช




 พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 

(20 มีนาคม พ.ศ. 2279 — 7 กันยายน พ.ศ. 2352) พระนามพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งถวาย) รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันพุธ เดือน 4 แรม 5 ค่ำ ปีมะโรงอัฐศก เวลา 3 ยาม ตรงกับวันที่ 20 มีนาคม พุทธศักราช 2279 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ขณะมีพระชนมายุได้ 46 พรรษา และทรงย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมาอยู่ฝั่งพระนคร และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับ   



รัชกาลที่ 2
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย




พระบาทสมเด็จพระบรมราชพงศ์เชษมเหศวรสุนทร พระพุทธเลิศหล้านภาลัย 

(24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310-21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 ครองราชย์ 7 กันยายนพ.ศ. 2352 - 21 กรกฎาคมพ.ศ. 2367) รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี
พระนามที่ปรากฏ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้น เพิ่งถวายพระนามเรียกเมื่อสมัยรัชกาลที่ 3 เนื่องจากพระปรมาภิไธยที่จารึกในพระสุพรรณบัฏ ของรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2 จะเหมือนกันทุกตัวอักษร เพราะในเวลานั้นยังไม่มีธรรมเนียมที่จะต้องมีพระปรมาภิไธยแตกต่างกันในแต่ละพระองค์ จนถึงรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา จึงทรงได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บัญญัติไว้ว่า ในแต่ละรัชกาลจะต้องมีพระปรมาภิไธยแตกต่างกัน เว้นแต่สร้อยพระปรมาภิไธยเท่านั้นที่อณุโลมให้ซ้ำกันได้บ้าง ส่วนคำนำหน้าพระนาม รัชกาลที่ 4 ก็ได้ทรงบัญญัติให้ใช้คำว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์ หรือ ปรเมนทร์ เป็นคำนำทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลำดับรัชกาลว่าจะเป็นเลขคี่หรือเลขคู่
เดิมทีเดียวคนสมัยก่อนมักเรียกรัชกาลที่ 1 ว่า แผ่นดินต้น และเรียกรัชกาลที่ 2 ว่า แผ่นดินกลาง เหตุเพราะพระนามในพระสุพรรณบัฎเหมือนกัน รัชกาลที่ 3 จึงไม่โปรดให้ใช้ตามอย่างรัชกาลที่ 1 และ 2 เพราะเหตุเช่นนั้นจะทำให้ประชาชนสมัยนั้นเรียกว่าแผ่นดินปลาย ซึ่งดูไม่เป็นมงคล
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มีพระนามเดิมว่า ฉิม (สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร) พระราชสมภพเมื่อ วันพุธ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 4 ปีกุน เวลาเช้า 5 ยาม ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2310 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 4 ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสวยราชสมบัติ เมื่อปีมะเส็ง ปีพ.ศ. 2352 - 2367 ขณะมีพระชนมายุได้ 42 พรรษา


รัชกาลที่ 3

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว




พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เป็นพระมหากษัตริย์ไทย

 รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระองค์แรกที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเรียม เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันจันทร์ แรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม เวลาค่ำ 10.30 นาฬิกา (สี่ทุ่มครึ่ง) ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2330 ซึ่งภายหลังพระราชชนนีได้รับการสถาปนาเป็นกรมสมเด็จพระศรีสุราลัย พระองค์เสวยราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 9 ขึ้น 7 ค่ำ ปีวอก ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 รวมสิริดำรงราชสมบัติได้ 27 ปี
ทรงมีเจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม 5 พระองค์ มีพระราชโอรส-ราชธิดา ทั้งสิ้น 51 พระองค์ เสด็จสวรรคต เมื่อวันพุธ เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำ ปีกุน โทศก จุลศักราช 1212 เวลา 7 ทุ่ม 5 บาท ตรงกับวันที่ 2 เมษายนพ.ศ. 2394 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา


รัชกาลที่ 4

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
File:Rama4 portrait (cropped).jpg


พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี มีพระนามเดิมว่า "เจ้าฟ้ามงกุฎ สมมติเทวาวงศ์พงษ์อิศรกษัตริย์" เสด็จพระราชสมภพในวันพฤหัสบดี ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2347 ในสมัยรัชกาลที่ 1 ณ นิวาสสถานในพระราชนิเวศน์เดิม ด้านใต้ของวัดอรุณราชวราราม เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 43 และเป็นลำดับที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสวยราชสมบัติในวันพุธ เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำ ปีกุน ยังเป็นโทศก พ.ศ. 2394 รวมดำรงสิริราชสมบัติ 16 ปี 6 เดือน และมีพระราชโอรส - พระราชธิดารวมทั้งสิ้น 82 พระองค์ พระองค์เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง เวลาทุ่มเศษ ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา วัดประจำรัชกาล คือ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร

รัชกาลที่ 5

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว


File:King Chulalongkorn.jpg



















พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 เป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคาร เดือน 10 แรม 3 ค่ำ ปีฉลู 20 กันยายนพ.ศ. 2396 เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นที่ 1 ในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสวยราชสมบัติ เมื่อวันพฤหัสบดี เดือน 11 ขึ้น 15 ค่ำ ปีมะโรง (พ.ศ. 2411) รวมสิริดำรงราชสมบัติ 42 ปี 22 วัน  เสด็จสวรรคต เมื่อวันเสาร์ เดือน 11 แรม 4 ค่ำ ปีจอ (23 ตุลาคม พ.ศ. 2453) ด้วยโรคพระวักกะ รวมพระชนมพรรษา 57 พรรษา
ผู้คนมักออกพระนามว่า "ปิยมหาราช" แปลว่า มหาราชผู้ทรงเป็นที่รัก และว่า "พระพุทธเจ้าหลวง"

รัชกาลที่ 6

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
King Vajiravudh portrait photograph.jpg




พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธฯ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว 

เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันเสาร์ เดือนยี่ ขึ้น 2 ค่ำ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2423 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสวยราชสมบัติเมื่อวันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม ปีจอ พุทธศักราช 2453 และเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 รวมพระชนมพรรษา 45 พรรษา เสด็จดำรงราชสมบัติรวม 15 ปี
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาเมื่อเสด็จสวรรคตแล้วว่า "สมเด็จพระมหาธีราชเจ้า" พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ใน พระราชวงศ์จักรีพระองค์แรกที่ไม่มีวัดประจำรัชกาล แต่ได้ทรงมีการการสถาปนาโรงเรียนมหาดเล็กหลวง หรือวชิราวุธวิทยาลัยในปัจจุบัน ขึ้นแทน ด้วยทรงพระราชดำริว่าพระอารามนั้นมีมากแล้ว และการสร้างอารามในสมัยก่อนนั้นก็เพื่อบำรุงการศึกษาของเยาวชนของชาติ จึงทรงพระราชดำริให้สร้างโรงเรียนขึ้นแทน
พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งแรกของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างแล้วเสร็จเมื่อพ.ศ. 2485 ประดิษฐาน ณ สวนลุมพินี ซึ่งเป็นบริเวณที่ดินส่วนพระองค์ ที่พระราชทานไว้เป็นสมบัติของประชาชน เพื่อจัดงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์แสดงสินค้าไทยแก่ชาวโลกเป็นครั้งแรก เพื่อบำรุงเศรษฐกิจและพาณิชยกรรมของประเทศ (แต่มิทันได้จัดก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน) และทรงตั้งพระราชหฤทัยว่าเมื่อเสร็จงานแล้ว จะพระราชทานเป็นสวนสาธารณะพักผ่อนหย่อนใจแห่งแรกในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ในวันคล้ายวันสวรรคตของทุกปี วันที่ 25 พฤศจิกายน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือผู้แทนพระองค์ จะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลา ถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ณ สวนลุมพินีแห่งนี้ ในวันนั้นมีหน่วยราชการ หน่วยงานเอกชน นิสิตนักศึกษา พ่อค้าประชาชนจำนวนมากไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวาย ณ วชิราวุธวิทยาลัย
ใน พ.ศ. 2524 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ยกย่องพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่าทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก ผู้มีผลงานดีเด่นด้านวัฒนธรรม ในฐานะที่ทรงเป็นนักปราชญ์ นักประพันธ์ กวี และนักแต่งบทละครไว้เป็นจำนวนมาก

รัชกาลที่ 7




พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

King Prajadhipok portrait photograph.jpg

                   


                              
 












พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปกฯ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

 เป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ลำดับที่ 7 แห่งราชอาณาจักรสยาม พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 11 ปีมะเส็ง เวลา 12.25 นาฬิกา หรือตรงกับวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) พระองค์เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 76 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปีที่ 9 ในสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สมเด็จพระพันปีหลวง ขึ้นเสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) และทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 (นับศักราชแบบเก่า) (ค.ศ. 1935) รวมดำรงสิริราชสมบัติ 9 ปี เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) รวมพระชนมพรรษา 47 พรรษา
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอภิเษกสมรสกับ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี (หม่อมเจ้าหญิงรำไพพรรณี สวัสดิวัฒน์) ไม่มีพระราชโอรสและพระราชธิดา แต่ทรงมีพระราชโอรสบุญธรรม คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจิรศักดิ์สุประภาต

รัชกาลที่ 8


พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร
King Ananda Mahidol portrait photograph.jpg



พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร 

(20 กันยายน พ.ศ. 2468 - 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนี ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (ภายหลังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และหม่อมศรีสังวาลย์ (ภายหลังดำรงพระยศเป็น "สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี") มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีอีก 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (ภายหลังทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช)
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่ 8 แห่งราชจักรีวงศ์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะที่มีพระชนมายุเพียง 8 พรรษาและประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ดังนั้น จึงมีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพื่อทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินจนกว่าพระองค์จะทรงบรรลุนิติภาวะ
พระองค์เสด็จนิวัติพระนครครั้งแรกภายหลังทรงราชย์เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 และครั้งที่สองเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2488 ระหว่างกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินกลับไปทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์เพียง 4 วัน พระองค์เสด็จสวรรคตด้วยทรงต้องพระแสงปืนเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ณ ห้องพระบรรทม พระที่นั่งบรมพิมาน ภายในพระบรมมหาราชวัง รวมระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติทั้งสิ้น 12 ปี

รัชกาลที่ 9


พระบาทสมเด็จพระปรมินทร
มหาภูมิพลอดุลยเดช
Bhumibol Adulyadej 2010-9-29 2 cropped.jpg

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 

(พระราชสมภพ: 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470) เป็นพระมหากษัตริย์ลำดับที่เก้าแห่งราชวงศ์จักรี เสด็จสู่พระราชสมบัติตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ขณะนี้ จึงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้เสวยราชย์นานที่สุดในโลกที่มีพระชนมชีพอยู่ และยาวนานที่สุดในประเทศไทย
พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ ทรงมีส่วนช่วยให้ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากระบอบทหารเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยได้โดยตลอดรอดฝั่งในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 และได้ทรงหยุดยั้งการกบฏ เช่น ในคราวปี 2524 และปี 2528 กระนั้น ก็ได้ทรงแต่งตั้งหัวหน้าคณะยึดอำนาจหลายคณะ เช่น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2500 กับพลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน ในช่วงปลายพุทธทศวรรษที่ 2540 ตลอดรัชสมัยของพระองค์จนถึงปี พ.ศ. 2555 ได้เกิดการรัฐประหารโดยกองทัพมากกว่า 15 ครั้ง รัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ และนายกรัฐมนตรี 28 คน
ประชาชนชาวไทยจำนวนมากเคารพพระองค์ อนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะและผู้ใดจะละเมิดมิได้ ส่วนประมวลกฎหมายอาญาว่า การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์เป็นความผิดอาญา คณะรัฐมนตรีหลายชุดที่ได้รับการเลือกตั้งมาก็ถูกคณะทหารล้มล้างไปด้วยข้อกล่าวหาว่านักการเมืองผู้ใหญ่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพกระนั้น พระองค์เองได้ตรัสเมื่อปี 2548 ว่า สาธารณชนพึงวิพากษ์วิจารณ์พระองค์ได้
พระองค์ทรงเป็นที่สรรเสริญในประเทศไทยเกี่ยวกับพระราชดำริในเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โคฟี แอนนัน เลขาธิการสหประชาชาติ ได้ถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์กับทั้งพระองค์ยังทรงเป็นเจ้าของสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ งานพระราชนิพนธ์ และงานดนตรีจำนวนหนึ่งด้วย ด้านสินทรัพย์ของพระองค์นิตยสารฟอบส์ประเมินว่า พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ รวมถึงสินทรัพย์ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์จัดการอยู่นั้น มีมากกว่าสามหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งได้จัดอันดับให้พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ผู้มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลก 3 ปีติดต่อกันมาจนปัจจุบันำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้นใช้สินทรัพย์เพื่อสวัสดิการสาธารณะ เช่น เพื่อพัฒนาเยาวชน แต่ได้รับการยกเว้นมิต้องจ่ายภาษีและให้เปิดเผยการเงินต่อพระมหากษัตริย์แต่พระองค์เดียว ขณะที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชก็ได้ทรงอุทิศพระวรกายและพระราชทรัพย์ไปในโครงการพัฒนาประเทศไทยหลายต่อหลายโครงการ โดยเฉพาะในทางเกษตรกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การส่งเสริมอาชีพ ทรัพยากรน้ำ สวัสดิการทางคมนาคม และสวัสดิการสาธารณะ อนุสรณ์ถึงพระองค์นั้นพบได้ดาษดื่นในสื่อมวลชนไทย
นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2552 พระองค์แปรพระราชฐานจากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ไป โรงพยาบาลศิริราช อันเนื่องมาจากพระโรคไข้หวัดและพระปัปผาสะอักเสบ ตราบจนปัจจุบัน ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกันนั้น ข่าวลือว่าพระอาการประชวรทรุดหนักลง ได้ยังให้ตลาดหุ้นไทยร่วงลงอย่างสาหัส



พระยศเจ้านายไทย


พระภรรยาเจ้าและพระสนม

ตามโบราณราชประเพณี เมื่อเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยยศพระภรรยา ให้มีพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดลำดับพระเกียรติยศแห่งพระภรรยาเจ้าและพระสนมดังนี้
พระภรรยาเจ้าพระภรรยาเจ้า หมายถึง ภรรยาของพระเจ้าเผ่นดิน ที่มีพระกำเนิดเป็นเจ้าซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยพระฐานันดรศักดิ์ของพระภรรยาเจ้า ได้กำหนดไว้ว่ามี 4 ขั้น คือ พระอัครมเหสี พระมเหสี พระราชเทวี และพระอรรคชายา
พระอัครมเหสีเป็นพระอิสริยยศพระภรรยาเอกในพระเจ้าแผ่นดิน หรือเป็นพระมารดาขององค์รัชทายาท ในอดีตนั้นพระอัครมเหสีมีคำนำพระนามแตกต่างกันแล้วแต่รัชสมัย อาทิ สมเด็จกรมหลวงบาทบริจาในสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จพระนางเธอโสมนัสวัฒนาวดี พระนางนาฎบรมอัครราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงกำหนดเป็นพระชายาหลวงของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่ปรากฏในประกาศกระแสพระบรมราชโองการทรงสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ดำรงศักดินา 100000 โดยมีลำดับพระเกียรติยศดังนี้
  • พระบรมราชินีนาถ คือ พระอิสริยยศแห่งพระอัครมเหสีที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินสนองพระพระเดชพระคุณ ได้แก่
  • สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
  • พระบรมราชินี คือ พระอิสริยยศของพระอัครมเหสี มีสถานะเท่า queen ในฐานันดรศักดิ์ยุโรป
  • สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
  • สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
  • สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระราชินี คือ ฐานันดรศักดิ์ของพระอัครมเหสีในพระเจ้าแผ่นดินที่ยังไม่ผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้แก่
  • สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
  • พระบรมราชเทวี คือ พระอิสริยยศพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อมีการสถาปนาพระอิสริยยศพระบรมราชินีนาถขึ้น พระบรมราชเทวีจึงมีฐานะรองลงมา ดำรงศักดินา 100000 ได้แก่
  • สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระอัครราชเทวีคือ พระอิสริยยศพระอัครมเหสีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้นใหม่ในฐานะเป็นพระมารดาแห่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ให้เสมอด้วย "พระบรมราชเทวี" ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาพระปิตุจฉาเป็นพระอัครราชเทวีด้วย จึงมีพระอัครราชเทวี 2 พระองค์ในประวัติศาสตร์ไทย ได้แก่
  • สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลำดับพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ของ "พระวรราชเทวี" และ "พระราชเทวี" นั้น เสมอด้วย "สมเด็จเจ้าฟ้า" และ ลำดับพระอิสริยยศฐานันดรศักดิ์ ของ "พระนางเธอ" "พระอรรคชายาเธอ" "พระวรราชชายา" และ "พระราชชายา" นั้น เสมอด้วย "พระองค์เจ้าลูกหลวง" มีลำดับดังนี้
  • พระวรราชเทวี คือ พระอิสริยยศพระมเหสี มีฐานะรองจาก "พระอัครราชเทวี" มีกรมศักดินา 50000 ไม่มีกรม ศักดินา 30000 ได้แก่
  • พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระราชเทวี คือ พระอิสริยยศแห่งพระภรรยาเจ้า มีฐานะรองจากพระวรราชเทวี มีกรมศักดินา 50000 ไม่มีกรม ศักดินา 30000 ได้แก่
  • พระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระนางเธอ คือ พระอิสริยยศแห่งพระภรรยาเจ้า มีฐานะรองจากพระราชเทวี มีกรม ศักดินา 20000 ไม่มีกรม ศักดินา 15000 ได้แก่
  • พระนางเธอเสาวภาผ่องศรีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระนางเธอลักษมีลาวัณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระอรรคชายาเธอ คือ พระอิสริยยศพระภรรยาเจ้า มีฐานะรองจากพระนางเธอ มีกรม ศักดินา 20000 ไม่มีกรม ศักดินา 15000 ได้แก่
  • พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาคนารีรัตน์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัญญาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมขุนสุทธาสินีนาฏในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระวรราชชายา คือ พระอิสริยยศแห่งพระภรรยาเจ้า มีฐานะรอง พระอรรคชายาเธอ ได้แก่
  • สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • พระราชชายา คือ พระอิสริยยศแห่งพระภรรยาเจ้า มีฐานะรอง พระวรราชชายา ได้แก่
  • พระราชชายา เจ้าดารารัศมีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระสนม
  • เจ้าคุณจอมมารดา คือ บรรดาศักดิ์พระสนมเอกในวังหลวงที่มีประสูติกาลพระราชโอรสธิดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีบรรดาศักดิ์ ฝ่ายใน ได้แก่
  • เจ้าคุณจอม บรรดาศักดิ์พระสนมเอกในวังหลวงที่ไม่มีประสูติกาลพระราชโอรสธิดา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีบรรดาศักดิ์ ฝ่ายใน ได้แก่
  • พระสุจริตสุดา
  • เจ้าจอมมารดา คือ พระสนมวังหลวงที่มีประสูติกาลพระราชโอรสหรือพระราชธิดาสนองพระเจ้าแผ่นดิน รวมถึงพระสนมวังหน้าที่มีประสูติกาลพระราชบุตรในสมเด็จพระบวรราชเจ้า แต่หากเป็น "พระสนม" ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ จะมีบรรดาศักดิ์ ที่ "จอมมารดา" อาทิ
  • เจ้าจอมมารดาตานีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
  • เจ้าจอมมารดาน้อยในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
  • เจ้าจอมมารดาศิลาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
  • เจ้าจอมมารดาก้อนทองในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์
  • เจ้าจอมมารดาทรัพย์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • เจ้าจอมมารดาลูกจันทน์ในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ
  • เจ้าจอมมารดาเที่ยงในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • เจ้าจอมมารดาเพื่อนในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • เจ้าจอมมารดาตลับในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • จอมมารดาหม่อมหลวงปริก เจษฎางกูรในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ
  • เจ้าจอม คือ พระสนมวังหลวงที่ไม่มีพระราชโอรสหรือพระราชธิดาสนองพระเจ้าแผ่นดิน และสมเด็จพระบวรราชเจ้า เช่น
  • เจ้าจอมหุ่น ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
  • เจ้าจอมอำพัน ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
  • เจ้าจอมยี่สุ่น ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • เจ้าจอมทับทิม ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบรมวงศานุวงศ์พระบรมวงศานุวงศ์ คือ ญาติของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งมีพระยศเป็นเจ้า แบ่งออกเป็นสองชั้นคือ พระบรมวงศ์ และ พระอนุวงศ์
พระบรมวงศ์พระบรมวงศ์ คือ พระราชโอรสธิดาในพระเจ้าแผ่นดิน (หรือเทียบเท่า) ถ้าได้รับสัปตปฎลเศวตฉัตรหรือเบญจปฎลเศวตฉัตร จะมีคำว่า สมเด็จ นำหน้าพระนาม
พระบรมราชชนก เป็น พระอิสริยยศของพระราชบิดาซึ่งไม่ใช่พระเจ้าแผ่นดิน แต่โปรดเกล้าฯ ให้มีพระอิสริยยศเสมอด้วย สมเด็จพระบวรราชเจ้า ได้แก่
  • สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
  • สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระอิสริยยศแห่ง พระบรมราชชนนี ในพระมหากษัตริย์ ในอดีตจะทรงสถาปนาขึ้นเป็น กรมพระเทพามาตย์ กรณีที่มิทรงเคยเป็นสมเด็จพระบรมราชินีในรัชกาลใดๆ จะไม่ออกพระนามว่า พระพันปีหลวง ได้แก่
  • สมเด็จพระศรีสุลาไลย พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
  • สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
พระอิสริยยศ สมเด็จพระยุพราช ซึ่งจะทรงสืบราชสันตติวงศ์ในภาคหน้า เริ่มสถาปนาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่
  • สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร
  • สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร
  • สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร
พระอิสริยยศแห่งสมเด็จพระราชธิดา ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รับสัปตปฎลเศวตฉัตร เป็นกรณีพิเศษ ได้แก่
  • สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระราชโอรสธิดาของพระมหากษัตริย์ ที่ประสูติ สมเด็จพระอัครมเหสี และพระภรรยาเจ้า ซึ่งมีนำหน้าพระนามว่า "สมเด็จพระเจ้าลูก (ยา) เธอ เจ้าฟ้า" และ ที่ประสูติแต่ เจ้าจอมมารดา ซึ่งมีคำนำหน้าพระนามว่า "พระเจ้าลูก(ยา)เธอ พระองค์เจ้า"
หมายถึง พระราชอนุชาที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระรัชทายาท สนองพระเดชพระคุณ มีพระอิสริยศักดิ์สูงกว่า สมเด็จเจ้าฟ้า ได้แก่
  • สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ
  • สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา
หมายถึง สมเด็จเจ้าฟ้า ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็นพิเศษ ศักดินา 100000 ได้แก่
  • สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช
  • เจ้าฟ้าชั้นเอก หรือ ชั้นทูลกระหม่อม เป็นฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชโอรสธิดาประสูติแต่พระอัครมเหสีหรือพระภรรยาเจ้าชั้นลูกหลวง คือ ภรรยาที่มีกำเนิดเป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ ขานพระนามโดยลำลองว่า ทูลกระหม่อมชาย และ ทูลกระหม่อมหญิง ทั้งนี้ หากเป็น ชั้น "สมเด็จพระเจ้าบรมไปยกาเธอ" "สมเด็จพระเจ้าบรมไปยิกาเธอ" "สมเด็จพระเจ้าไอยกาเธอ" "สมเด็จพระเจ้าอัยยิกาเธอ" สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ" "สมเด็จพระพี่ยา/พี่นางเธอ" และ "สมเด็จพระเจ้าน้องยา/น้องนางเธอ" หากทรงกรม ศักดินา 50000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 30000 และชั้น "สมเด็จพระเจ้าลูก(ยา)เธอ" หากทรงกรม ศักดินา 40000 ไม่ทรงกรม ศักดินา "20000" อาทิ
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าประไพวดี กรมหลวงเทพยวดี
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต
  • สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
  • เจ้าฟ้าชั้นโท หรือ ชั้นสมเด็จ เป็นฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชโอรสธิดาประสูติแต่พระเจ้าแผ่นดินกับพระมเหสีชั้นหลานหลวง คือ ภรรยาที่มีกำเนิดเป็นพระราชนัดดาของพระมหากษัตริย์ หรือพระมเหสีเทวีชั้นรองลงมาที่มีกำเนิดเป็นสามัญชนแต่ต่อมาได้รับสถาปนาเป็นเจ้า และ เจ้าฟ้าชั้นโทยังหมายถึงผู้ที่เป็นพี่น้องร่วมกับพระมหากษัตริย์ แล้วต่อมาได้รับสถาปนาเป็นเจ้าฟ้า ขานพระนามโดยลำลองว่า สมเด็จชาย และ สมเด็จหญิงอาทิ
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระเทพสุดาวดี
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์
  • สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงจักรเจษฎา
  • สมเด็จเจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี
  • สมเด็จเจ้าฟ้ายุคลทิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์
  • สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
  • สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทั้งนี้ หากเป็น ชั้น "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ" "พระเจ้าพี่ยา/พี่นางเธอ" และ "พระเจ้าน้องยา/น้องนางเธอ" หากทรงกรม ศักดินา 30000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 15000 และชั้น "พระเจ้าลูก(ยา)เธอ" หากทรงกรม ศักดินา 20000 ไม่ทรงกรม ศักดินา "15000" ได้แก่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมขุนขัตติยกัลยา
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า คือ ฐานันดรศักดิ์สำหรับ พระราชโอรส-ธิดา ซึ่งประสูติแต่พระเจ้าแผ่นดิน กับเจ้าจอมมารดา ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าลงไป โดย "พระเจ้าไปยกาเธอ" "พระเจ้าไปยิกาเธอ" "พระเจ้าไอยกาเธอ" "พระเจ้าอัยยิกาเธอ" "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ" "พระพี่ยา/พี่นางเธอ" และ "พระเจ้าน้องยา/น้องนางเธอ" หากทรงกรม ศักดินา 15000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 7000 และชั้น "พระเจ้าลูก(ยา)เธอ" หากทรงกรม ศักดินา 15000 ไม่ทรงกรม ศักดินา "6000" เช่น
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดวงจักร กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ ในรัชกาลที่ 1
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแม้นเขียน ในรัชกาลที่ 2
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้างอนรถ ในรัชกาลที่ 3
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมาวดี ศรีรัตนราชธิดา กรมหลวงสมรรัตนสิริเชษฐ์ ในรัชกาลที่ 4
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในรัชกาลที่ 5
พระอนุวงศ์
พระอนุวงศ์ คือพระราชนัดดา พระราชปนัดดา ของพระเจ้าแผ่นดิน (หรือเทียบเท่า)
หมายถึง ฐานันดรศักดิ์ แห่งหลานของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศ เป็นพิเศษ ด้วยที่เหตุที่มีพระมารดาเป็น "เจ้าฟ้า" คือพระโอรสธิดาใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยาเทพสุดาวดี และ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ ในชั้นนี้เรียกว่า "เจ้าฟ้าชั้นตรี" ทรงกรม ศักดินา 15000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 6000 อาทิ
  • พรสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์ะ
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนรินทรรณเรศร์
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพหริรักษ์
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี
พระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล และ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ทุกพระองค์เมื่อแรกประสูติ มีฐานันดรศักดิ์ที่ "พระเจ้าราชวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" ทรงกรมศักดินา 11000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 4000 ได้แก่
  • เจ้าฟ้าวังหน้า เป็นฐานันดรศักดิ์สำหรับเจ้าฟ้าที่พระมหากษัตริย์พระราชทานสถาปนาเป็นกรณีพิเศษ ไม่ได้ทรงรับคำนำพระนามเป็น สมเด็จ คงออกพระนามตามพระยศว่า เจ้าฟ้า ต่อด้วยพระนามเท่านั้น ได้แก่
  • พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้าพิกุลทอง กรมขุนศรีสุนทร พระราชธิดาใน สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กับ พระอัครชายาเธอ เจ้าครอกฟ้าศรีอโนชา ซึ่งเป็นพระราชขนิษฐาใน พระเจ้าบรมราชาธิบดีกาวิละ, พระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่
  • พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ พระราชโอรสใน สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กับ พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดาราวดี (พระราชธิดาในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท)
  • พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า อาทิ
  • พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดาราวดี
  • พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอสุนี กรมหมื่นเสนีเทพ
  • พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประยงค์ กรมขุนธิเบศร์บวร ฯลฯ
  • พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า คือ ฐานันดรศักดิ์สำหรับ พระราชโอรสธิดา ใน กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ อาทิ
  • พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารัชนีแจ่มจรัส กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์
  • พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารุจาวรฉวี
  • พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากาญจโนภาสรัศมี กรมหมื่นชาญไชยบวรยศ ฯลฯ
พระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข ที่ประสูติแต่พระอัครชายา มีฐานันดรศักดิ์ที่ "พระสัมพันธวงศ์ พระองค์เจ้า" ทรงกรมศักดินา 11000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 4000 ได้แก่
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนราเทเวศร์
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหมื่นนเรศร์โยธี
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ กรมหลวงเสนีบริรักษ์
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชายปฐมวงศ์
  • พระสัมพันธวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงจงกล
พระราชนัดดา ที่ประสูติแต่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าลูกยาเธอ ซึ่งมีฐานันดรศักดิ์ ตามพระมารดา โดยสามารถแบ่งได้เป็น "พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์" และ "พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า" ทรงกรมศักดินา 11000 ไม่ทรงกรม ศักดินา 4000 เจ้านายในชั้นนี้จะเรียกว่า พระองค์ชาย พระองค์หญิงได้แก่
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า คือ ฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชนัดดาของพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติแก่พระมารดาที่เป็นพระองค์เจ้า หรือหม่อมเจ้าที่เป็นชายาเอก (สะใภ้หลวง) เช่น
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต พระโอรสใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับ หม่อมเจ้าประสงค์สม บริพัตร
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ พระโอรสในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมเขตมงคล
  • พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา พระธิดาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
  • พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาหม่อมเจ้าหลานเธอบางองค์ และหม่อมเจ้าบางพระองค์ ซึ่งได้รับพระราชทานฐานันดรเป็นพระองค์เจ้าเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต
  • พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์
  • พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า คือ ฐานันดรศักดิ์สำหรับพระราชนัดดาของพระเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติเป็นพระโอรสธิดา ในสมเด็จเจ้าฟ้า กับ สามัญชน, พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า (ชั้นลูกหลวง) กับ พระองค์เจ้า และหม่อมเจ้าซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา โดยพระโอรสธิดาของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านั้น จะมีฐานันดรศักดิ์เป็นสามัญชน คือ หม่อมราชวงศ์ และเรียกว่า ท่านพระองค์ชาย ท่านพระองค์หญิง อาทิ
  • พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุขุมาภินันท์ พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กับ หม่อมสมพันธ์ บริพัตร ณ อยุธยา (ราชสกุลเดิม ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา)
  • พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธินฤมล
  • พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ
หม่อมเจ้า (ม.จ.) คือ ฐานันดรศักดิ์ที่รองลงมาจากพระองค์เจ้า เป็นชั้นสกุลยศที่ต่ำที่สุดสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ โดยปกติแล้วฐานันดรนี้จะได้แก่พระโอรสธิด ในเจ้าฟ้ากับสามัญชน, พระโอรสธิดาในพระองค์เจ้า กับสามัญชน และพระโอรสธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า โดย หม่อมเจ้า ทรงศักดินา 1500 เจ้านายชั้นจะเรียกกันโดยลำลองว่า ท่านชาย ท่านหญิง
ราชนิกุลและสายสัมพันธ์
บุคคลนับเนื่องราชราชสกุล ลำดับรองลงมาจากหม่อมเจ้า แม้มีคำนำหน้านามเป็นพิเศษอยู่ แต่ก็ถือเป็นสามัญชน
  • หม่อมราชนิกุล คือ หม่อมราชวงศ์ หรือ หม่อมหลวง ที่รับราชการ มีความดีความชอบ กระทั่งได้รับพระราชทานสถาปนาเป็น เช่น หม่อมอนุวัตรวรพงษ์ ซึ่งมีนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์สิงหนัด ปราโมช
  • หม่อมราชวงศ์ (ม.ร.ว.) คือ ฐานันดรศักดิ์ที่รองลงมาจากหม่อมเจ้า เป็นคำนำหน้านามสำหรับโอรสธิดาในหม่อมเจ้า เรียกโดยลำลองว่า คุณหญิง คุณชาย ฐานันดรศักดิ์นี้ บัญญัติขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
  • หม่อมหลวง (ม.ล.) คือ บุตรธิดาของหม่อมราชวงศ์ เป็นคำนำหน้านามขั้นสุดท้ายของเชื้อพระวงศ์ ในการเรียกโดยลำลอง ให้ใช้คำนำหน้าว่า "คุณ" ฐานันดรศักดิ์นี้ บัญญัติขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
พระภรรยาของเจ้าชาย
มีทั้งหมด 4 ฐานันดร ได้แก่
  • พระวรชายา คือ พระอิสริยศ ของพระภรรยา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้แก่
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
  • พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
  • พระชายา คือพระภรรยาของ เจ้าฟ้า และพระองค์เจ้า ซึ่งเป็นเจ้าหญิงมาตั้งแต่กำเนิด เช่น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทิพยสัมพันธ์ "พระชายา" ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์
  • ชายา คือพระภรรยาของหม่อมเจ้า ซึ่งมีกำเนิดเป็นเจ้าเหมือนกัน เช่น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา "ชายา" ในหม่อมเจ้าธานีเศิกสงัด ชุมพล
  • หม่อม คือคำนำหน้านามสำหรับภรรยาที่เป็นหญิงสามัญชนของเจ้าชาย เช่น หม่อมแจ๊กเควลิน จิตรพงศ์ ณ อยุธยา ในหม่อมเจ้ายาใจ จิตรพงศ์หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยาในหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล หม่อมอัญวิดา ยุคล ณ อยุธยา ในหม่อมเจ้านวพรรษ์ ยุคล
การสถาปนาขึ้นเป็นเจ้าในพระราชวงศ์
มีเจ้านายพระองค์ ที่ประสูติเป็นสามัญชนนอกพระราชวงศ์จักรี แต่ได้รับพระราชทานสถาปนาให้เป็นเจ้าในพระราชวงศ์
เช่น ในรัชกาลที่ 1 ได้แก่
  1. หม่อมเรือง (กระทำสัตย์เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับสมเด็จพระอนุชาธิราช กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท เมื่อครั้งกรุงแตก) เป็นเจ้าบำเรอภูธร ต่อมาเลื่อนเป็น กรมขุนสุนทรภูเบศร์
  1. กรมหมื่นนรินทรพิทักษ์ (พระนามเดิม หม่อมมุก) เป็นพระสวามีในพระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าหญิงกุ
  1. พระองค์เจ้าขุนเณร (พระเชษฐาหรือพระอนุชาร่วมพระบิดากับกรมพระราชวังหลัง กล่าวคือเป็น "ลูกเลี้ยง" ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอพระองค์ใหญ่) ได้ทรงรบทัพจับศึกมาก จึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระองค์เจ้าขุนเณร
รัชกาลที่ 2 ทรงสถาปนา สมเด็จพระบรมราชชนนีเป็น กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ตามอย่างกรมพระเทพามาตย์ พระบรมราชชนนีแต่โบราณ
รัชกาลที่ 3 สถาปนาเจ้าคุณจอมมารดาเรียม สมเด็จพระราชชนนีเป็นกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย (สมเด็จพระศรีสุลาลัย)
รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา
  1. เจ้าจอมมารดา เจ้าดารารัศมี ณ เชียงใหม่ ขึ้นเป็นพระราชชายาเจ้าดารารัศมี
(นอกจากนี้ยังทรงสถาปนาพระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เป็นพระนัดดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์ และสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข ซึ่งมีพระชาติแรกประสูติเป็นหม่อมราชวงศ์ ให้ดำรงฐานันดรศักดิ์เป็นหม่อมเจ้าหลายพระองค์)
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา
  1. เจ้าคุณจอมมารดาเปี่ยม (พระอัยกี) เป็นสมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา
  1. พระอินทรานี (ประไพ สุจริตกุล) เป็นพระวรราชชายาเธออินทรศักดิ์ศจี และต่อมาทรงเลื่อนเป็น สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจี พระบรมราชินี ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ออกพระนามาภิไธยว่า สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรราชชายา
  1. เจ้าจอมสุวัทนา (เครือแก้ว อภัยวงศ์) เป็น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
ในรัชกาลที่ 8 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา หม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก (พระอิสริยยศในขณะนั้นคือ สมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดชฯ) เป็น พระราชชนนีศรีสังวาลย์ ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพย์อาภา ประธานคณะผู้สำเร็จราชการทรงรับพระบรมราชโองการให้สถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ และในรัชกาลปัจจุบันสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
ในสมัยรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนา
  1. ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ (หลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี และภายหลังทรงสำเร็จราชการแผ่นดินเป็น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
  1. ม.ล.โสมสวลี กิติยากร ขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และภายหลังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระนามว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
  1. นางสาวศรีรัศมิ์ อัครพงศ์ปรีชา หรือหม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา หม่อมใน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งเป็นสามัญชน ขึ้นเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ

พระบรมราชชนก

พระบรมราชชนนี

สยามมกุฎราชกุมาร

สยามบรมราชกุมารี

พระอนุชาธิราช

สมเด็จเจ้าฟ้าชั้นพิเศษ

สมเด็จเจ้าฟ้า

พระองค์เจ้า ชั้นลูกหลวง

พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้า

พระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

พระโอรสธิดา ในกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข

พระราชนัดดา ในพระมหากษัตริย์

หม่อมเจ้า